ชื่อแบรนด์ Byredo อาจไม่คุ้นหูเท่าไร แต่นี่คือน้ำหอมที่อยากให้เปิดจมูกสูดดมชื่นชมความหอมของมันก่อน เพราะกลิ่นหอมของซีดาร์วูด จะชวนให้คุณระลึกถึงกลิ่นดินสอไม้เวลาถูกเหลา บวกกับกลิ่นหอมของดอกกุหลาบและกลิ่นหญ้าแฝกจากเฮติ ผลลัพธ์ที่ได้คือน้ำหอมที่ผู้ชายหลายคนฝันถึง เตรียมวางจำหน่ายในราคา ninety ปอนด์ (หรือประมาณ 4,540 บาท) สำหรับขนาด 30 มล. สุดยอดน้ำหอมจาก Jo Malone ก็มีน้ำหอมผู้ชายอย่าง Orris & Sandalwood ที่น่าสนใจเช่นกัน โดดเด่นด้วยกลิ่นออร์ริสซึ่งมาจากต้น Iris pallida ผสานความหอมได้อย่างลงตัวกับกลิ่นของไม้และดอกไม้นานาชนิด กลิ่นพาวเดอร์รี่ รวมถึงกลิ่นไม้จันทน์และแอมเบอร์ วางขายแล้วในราคา a hundred and five ปอนด์ (หรือประมาณ 5,305 บาท) สำหรับขนาด a hundred มล. คุณผู้ชายที่ชอบน้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ และให้ความรู้สึกสดชื่นไปตลอดทั้งวัน คงต้องเทใจให้น้ำหอมจาก Montblanc รุ่นนี้แล้วล่ะ ด้วยความหอมของกลิ่นอโรมาจากเกรปฟรุต ลาเวนเดอร์ และกลิ่นสดชื่นแบบน้ำทะเล จึงทำให้คุณหลงใหลในความหอมของมันได้ไม่ยาก สนนราคาอยู่ที่ 39 ปอนด์ (หรือประมาณ four,550 บาท) สำหรับขนาด 50 มล.
Paul Smith เตรียมปล่อยน้ำหอมลิมิเต็ด อิดิชั่น รุ่นนี้ออกมาในเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้ว ซึ่งเป็นน้ำหอมที่เหมาะกับใช้ในช่วงหน้าร้อนมาก ๆ ด้วยความหอมที่เกิดจากส่วนผสมอย่าง ลูกจันทน์ พริกไทยดำ ผักชี ผสานกับกลิ่นความสดชื่นจากเกรปฟรุตและมะเฟือง โดยเตรียมวางจำหน่ายแล้วในราคา 26 ปอนด์ (หรือประมาณ 1,315 บาท) สำหรับขนาด one hundred มล. หนุ่ม ๆ บางคนอาจยังไม่รู้ว่า เฟอร์รารี่ ก็ผลิตน้ำหอมเจ๋ง ๆ ออกวางขายด้วยเช่นกัน แถมยังให้กลิ่นออกแมน ๆ สมชายชาตรีด้วย โดดเด่นเตะจมูกด้วยกลิ่นหอมจากไม้แคชเมียร์ น้ำมันหอมระเหย และลูกจันทน์ สนนราคาจำหน่ายที่ a hundred and seventy ปอนด์ (หรือประมาณ eight,590 บาท) สำหรับขนาด a hundred มล. แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง Barbour ปล่อยน้ำหอมตัวแรกออกมาตีตลาดแข่งกับเจ้าอื่นเช่นกัน โดยมีส่วนผสมของเกรปฟรุต พริกไทยดำ ไม้จันทน์ และต้น Tonka bean จนออกมาเป็นกลิ่นน้ำหอมละมุนจมูกแบบนี้ สนนราคาอยู่ที่ 36 ปอนด์ (หรือประมาณ 1,820 บาท) สำหรับขนาด 50 มล.